วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

VDO เกี่ยวข้อง

VDOเกี่ยวข้อง

บทสรรเสริญรัตนไตรแห่งศาสนาเต๋า

ประวิความเป็นมา
                ศาสนาเต๋าเกิดขึ้นและพัฒนาในช่วงเวลาที่จีนตกอยู่ภาวะของการมีสงครามภายในประเทศ ซึ่งเป็นสงครามที่ยืดเยื้อยาวนาน ในศตวรรษที่ 5 ประเทศจีนถูกแบ่งออกเป็นแคว้นใหญ่ๆหลายแคว้น สังคมจึงมีแต่ความสับสนวุ่นวายแต่ก็นับว่าเป็นโชคดีที่เหตุการณ์เลวร้ายต่างๆเหล่านี้เป็นแรงผลักดันให้นักปราชญ์จีนเริ่มหันมาพัฒนาแนวคิดทางด้านอภิปรัชญา
                ศาสนาเต๋า มีอิทธิพลทำให้สังคมที่มีความสับสนวุ่นวายค่อยๆสงบ
ศาสนาเต๋า ทำให้การดำเนินชีวิตของคนในสังคมมีความเรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ
ศาสนาเต๋า สอนให้คนทำประโยชน์แก่คนอื่นโดยไม่แฝงความเห็นแก่ตัวไว้
ศาสนาเต๋า มีอิทธิพลเปลี่ยนแปลงแนวความคิดของคนอื่นซึ่งแต่เดิมนับถือภูตผีปีศาจให้เน้นเรื่องอภิปรัชญามากขึ้น และทำให้สังคมของคนจีนเจริญก้าวหน้า

แนะนำ

เเนะนำ
ศาสนาซิกข์

ศาสนาซิกข์ หรือ ศาสนาสิกข์ (ปัญจาบ: ਸਿੱਖੀ, สัท.: เกี่ยวกับเสียงนี้ [ˈsɪkːʰiː], อังกฤษ: Sikhism) เป็นศาสนาที่ถือกำเนิดขึ้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ 16 ในตอนเหนือของอินเดีย จากคำสอนของ นานัก และคุรุผู้สืบทอดอีก 9 องค์ หลักปรัชญาของศาสนาซิกข์และการปฏิบัติตามหลักศาสนา นิยมเรียกว่า "คุรมัต" (ความหมายโดยพยัญชนะ หมายถึง "คำสอนของคุรุ" หรือ "ธรรมของซิกข์")

คำว่า "ซิกข์" หรือ "สิกข์" มาจากภาษาสันสกฤตว่า "ศิษฺย" หมายถึง ศิษย์ ผู้เรียน หรือ "ศิกฺษ" หมายถึง การเรียน และภาษาบาลีว่า "สิกฺข" หรือ "สิกฺขา" [1] หมายถึง การศึกษา ผู้ศึกษา หรือผู้ใฝ่เรียนรู้

ศาสนาซิกข์ เป็นศาสนาแบบเอกเทวนิยม เนื่องจากหลักความเชื่อของศาสนาซิกข์ คือ ศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว คือ "วาหคุรู" ปฏิบัติสมาธิในนามของพระเจ้า และโองการของพระเจ้า ศาสนิกชาวซิกข์จะนับถือหลักคำสอนของคุรุซิกข์ทั้ง 10 หรือผู้นำผู้รู้แจ้ง และคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ที่เรียกว่า "คุรุ ครันถ์ สาหิพ" ซึ่งเป็นบทคัดสรรจากผู้เขียนมากมาย จากภูมิหลังทางศาสนา และเศรษฐกิจสังคมที่หลากหลาย คัมภีร์ของศาสนาเป็นบัญญัติของคุรุ โคพินท์ สิงห์ คุรุองค์สุดท้ายแห่งขาลสา ปันถ (Khalsa Panth) การสอนและหลักปฏิบัติของศาสนาซิกข์มีความเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์ สังคม และวัฒนธรรมของภูมิภาคปัญจาบในลักษณะต่างๆ กัน

ชาวสิกข์ทุกคนต้องทำพิธี "ปาหุล" คือพิธีล้างบาป เมื่อเสร็จพิธีแล้วก็จะรับเอา "กะ" คือสิ่งที่เริ่มต้นด้วยอักษร "ก" 5 ประการ ดังต่อไปนี้

เกศ การไว้ผมยาวโดยไม่ตัดเลย
กังฆา หวีขนาดเล็ก
กฉา กางเกงขาสั้น
กรา กำไลมือทำด้วยเหล็ก
กิรปาน ดาบ
ผู้ที่ทำพิธีปาหุลแล้วจะได้นามว่า "สิงห์" แปลว่า สิงโต หรือ ราชสีห์ ต่อท้ายเหมือนกันทุกคน ถือว่าผ่านความเป็นสมบัติของพระเจ้าแล้ว ถ้าเป็นหญิงจะมีคำว่า "กอร์" (ผู้กล้า) ต่อท้ายชื่อ การทำพิธีล้างบาปและรับอักษร 5 ก. เพื่อเป็นชาวสิกข์โดยสมบูรณ์นั้น มีขึ้นในภายหลัง คือในสมัยของคุรุโควินทสิงห์ ซึ่งเป็นศาสดาองค์สุดท้ายของศาสนาสิกข์ ศาสนาสิกข์ เป็นศาสนาของชาวอินเดีย แคว้นปัญจาบและบริเวณใกล้เคียง ทุกคนที่นับถือสิกข์ ถือว่าเป็นพวกเดียวกัน เป็นพี่น้องกันโดยศาสนา และขนบธรรมเนียมประเพณี ชาวสิกข์นิยมเรียกพระเจ้าว่า "พระนาม" (The Name) โดยมีคำสอนสรรเสริญพระพุทธคุณของพระเจ้าว่าเป็นผู้ฉลาด มีพระกรุณา มีพระหฤทัยเผื่อแผ่

ศาสนาซิกข์นับเป็นศาสนาที่มีผู้นับถือมากเป็นอันดับที่ 8 ของโลก ปัจจุบันมีผู้นับถือศาสนาซิกข์มากกว่า 23 ล้านคนทั่วไป ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในรัฐปัญจาบ ของอินเดีย

เนื้อหา  [ซ่อน] 
1 ชื่อและการออกเสียง
2 ศาสดาของศาสนา
3 คัมภีร์ในศาสนา
4 นิกายต่างๆ ในศาสนาซิกข์
5 ชาวซิกข์ที่มีชื่อเสียงในอดีต
6 อ้างอิง
7 แหล่งข้อมูลอื่น
ชื่อและการออกเสียง[แก้]
การเขียน และการออกเสียงชื่อศาสนาซิกข์นั้น หากเขียนว่า "สิกข์" ในภาษาไทยจะอ่านออกเสียงว่า "สิก" ซึ่งไม่ตรงกับเสียงในภาษาปัญจาบ และจะทำให้ความหมายเปลี่ยนไป เพราะฉะนั้นเพื่อให้อ่านออกเสียง และความหมายถูกต้อง จึงต้องเขียนว่า "ซิกข์" และอ่านออกเสียงว่า "ซิก", หรืองานวิ่งการกุศล ไทย-ซิกข์ มาราธอนซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ก็ใช้การเขียนว่า "ซิกข์" ขณะที่ในสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนมีการสะกดว่า "สิกข์" [2]

ในพจนานุกรมภาษาไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ กำหนดว่าคำนี้สามารถสะกดได้ถึงสี่แบบ ได้แก่ "ซิก, ซิกข์, สิกข์, สิข" [3]

ศาสดาของศาสนา[แก้]
ศาสดา หรือ คุรุ แห่งศาสนาสิกข์มี 10 ท่าน ต่อจากนั้นศาสดาองค์ที่ 10 ได้ประกาศให้ถือพระคัมภีร์เป็นศาสดาแทน และไม่มีการแต่งตั้งศาสดาต่อไปอีก (ยกเว้นนิกายนามธารีถือว่ายังมีศาสดาต่อไปได้อีกจนบัดนี้ รวม 16 องค์แล้ว) ศาสดาทั้ง 10 ท่าน ได้แก่

คุรุนานัก
คุรุอังคัต
คุรุอมรทาส
คุรุรามดาส
คุรุอรชุน
คุรุหริโควินท์
คุรุหริไร
คุรุหริกิษัน
คุรุเตฆพหทูร์
คุรุโควินทสิงห์
คัมภีร์ในศาสนา[แก้]
พระศาสดาองค์ที่ห้า พระศาสดาคุรุอารยันเทพ ได้ทรงรวบรวมพระคัมภีร์ของพระศาสดาองค์ก่อนๆทั้งสี่พระองค์ รวมทั้งของพระองค์เอง และนักบุญนักบวชต่างๆไม่ว่าจะศาสนาใด ที่มีแนวคิดปรัชญาและความสัตย์รู้แจ้งเห็นจริง ในปี พ.ศ. ๒๑๔๗ ซึ่งมีพระนามว่า อาดิครันถ์ซาฮิบ เป็นพระคัมภีร์พระองค์เดียวในสากลโลกที่ได้มีการเรียบเรียงโดยพระศาสดา (ผู้ก่อตั้งศาสนา) ในช่วงสมัยพระชนมายุของพระองค์เอง แบ่งออกเป็น 2 เล่ม ดังนี้

อาทิครันถ์ แปลว่า คัมภีร์แรก คุรุอรชุน เป็นผู้รวมขึ้นใน ค.ศ. 1604 หรือ พ.ศ. 2147 มีบทนิพนธ์ของคุรุ หรือศาสดาตั้งแต่องค์ที่ 1 ถึงองค์ที่ 5 และมีบทประพันธ์ของนักบุญผู้มีชื่อแห่งศาสนาฮินดู และศาสนาอิสลามผนวกอยู่ด้วย
ทสมครันถ์ แปลว่า คัมภีร์ของศาสดาองค์ที่ 10 เป็นชุมนุมบทนิพนธ์ของศาสดาองค์ที่ 10 คือ คุรุโควินทสิงห์ รวบรวมขึ้นในสมัยหลังจากอาทิครันถ์ ประมาณ 100 ปี
โดยทั้ง 2 คัมภีร์บันทึกคำสอนของคุรุสำคัญสรุปลงในหลักการใหญ่ 4 ประการ คือ

เรื่องความสามัคคี
เรื่องความเสมอภาค
เรื่องความศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า
ความจงรักภักดีต่อคุรุทั้ง 10 องค์
นิกายต่างๆ ในศาสนาซิกข์[แก้]

ในศาสนาสิขแบ่งออกเป็นหลายนิกาย แต่มีนิกายที่สำคัญ ๆ ๒ นิกาย คือ นิกายนานักปันณิ แปลว่า ผู้ปฏิบัติตามธรรมของท่านคุรุนานัก (ศาสดาองค์แรก) ผู้นับถือนิกายนี้จะไม่เข้าปาหุล หรือ ล้างบาป และไม่รับ “ก” ทั้ง ๕ ประการ นิกายนิลิมเล แปลว่า นักพรตผู้ปราศจากมลทิน บางแห่งเรียกนิกายนี้ว่า “นิกายขาลสา” หรือ “นิกายสิงห์” ผู้นับ ถือนิกายนี้จะดำเนินตามคำสอนของท่านคุรุโควินทร์สิงห์ (ศาสดาองค์ที่ ๑๐) โดยเฉพาะในเรื่องปาหุล หรือล้างชำระล้าง บาป ให้ตนเป็นผู้บริสุทธิ์ (ขาลสา) และเมื่อรับ “ก” ทั้ง ๕ แล้วก็ใช้นามสิงห์ต่อท้ายได้ นิกายอุทาสี หมายความว่า ผู้วางเฉยต่อโลก นิกายอกาลี คือ ผู้บูชาพระผู้เป็นเจ้านิรันดร นิกายสุธเร คือ นักพรตผู้บริสุทธิ์ นิกายทิวเนสาธุ หมายถึง นักบุญผู้เมา (ในพระเจ้า) นิกายริมเลสาธุ หมายถึง นักบุญผู้ไม่มีมลทิน นิกายนามธารี แปลว่า ผู้ทรงไว้ หรือผู้เทิดทูลพระนามของพระเจ้า หรือผู้มั่นอยู่ในนามของพระเจ้า ผู้นับถือนิกายนี้จะแต่งตัวขาวล้วน ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มของมึนเมา ไม่กินเนื้อสัตว์ กระนั้นก็ตามนิกายอื่น ๆ ที่มิได้กล่าวถึงในที่นี้กว่า ๒๐ นิกายล้วนมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย
2.นิกายกรีกออร์โธดอกซ์

เป็นนิกายที่นับถือกันในคาบสมุทรบอลข่าน ได้แก่ ประเทศกรีซ ยูโกสลาเวียและบัลกาเรีย ในรัสเซียเมื่อก่อนเป็นสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ก็นับถือคริสตศาสนานิกายนี้เช่นกัน นิกายกรีกออร์โธดอกซ์ เน้นความสำคัญของพิธีกรรมทางศาสนา คล้ายคลึงกับนิกายโรมันคาธอลิก แต่ไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของพระสันตปาปาที่นครวาติกัน

เว็บไซต์เพิ่มเติม

                                                        เว็บไซต์เพิ่มเติม
 https://www.youtube.com/watch?v=WvSwphTgw24=ศาสนาในกลุ่มประเทศอาเซียน
https://www.youtube.com/watch?v=kJRLsAUFH3w = สถานที่สำคัญของ 10 ประเทศอาเซียน
https://www.youtube.com/watch?v=xL4i4AMWg4E = ศาสนาเเละความเก้าหน้าของวิทยาศาสร์https://www.youtube.com/watch?v=tT07GpFF4mA =อาเซียนพุทธศาสนาในประชาคมอาเซียน
https://www.youtube.com/watch?v=nA0E2tcW24o=ความเชื่อทางศาสนาของอาเซียน

อื่นๆ

                                                                      นิกายเซน
เซน มีต้นกำเนิดจากประเทศอินเดีย พัฒนาที่ประเทศจีน ก่อนที่จะถูกเผยแพร่มาสู่เกาหลีและเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น โดยได้รับอิทธิพลมาจากลัทธิขงจื๊อและลัทธิเต๋า ในช่วงระหว่างที่เผยแผ่มาสู่ญี่ปุ่น การฝึกตนของนิกายเซน เน้นที่การนั่งสมาธิเพื่อการรู้แจ้ง

ช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 เซนยังได้เป็นปรัชญาในการดำรงชีวิต และรู้จักกันทั่วโลก โดยแสดงถึงแนวทางการใช้ชีวิต การทำงาน และศิลปะ

เซนยึดถือหลักปฏิบัติธรรมตามหลักของพระพุทธเจ้า ตามหลักของการฝึกสติ อริยสัจ 4 และมรรค 8 เซน ได้รับการยอมรับจากบุคคลที่ไม่ใช่พุทธศาสนิกชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลนอกทวีปเอเชีย ที่สนใจในเซนสามารถศึกษาและปฏิบัติธรรมได้ และได้เกิดนิกายสายย่อยออกมาที่เรียกว่าคริสเตียนเซน
                                                                       นิกายเจได
  Star Wars และเรื่องราวแนวคิดของกลุ่มคนที่เรียกว่า "อัศวินเจได" อาจจะเป็นเพียงเรื่องแต่งจากมันสมองของ "จอร์จ ลูคัส" แต่มันก็มีพลัง, ให้แรงบันดาลใจ และน่าเชื่อถือเพียงพอสำหรับคนกลุ่มหนึ่งที่จะยึดถือเป็นศาสนากันเลยทีเดียว
     
       จากรายงานของ CzechPosition.com สื่อในสาธารณะรัฐเช็กได้อ้างตัวเลขสถิติว่าปัจจุบันนี้มีประชากรจำนวนถึง 15,070 คนในประเทศที่ระบุว่าตัวเองนับถือศาสนา "อัศวินเจได" (Knights of the Jedi) เปรียบเทียบแล้วก็ถือว่าไม่น้อยกับจำนวนประชากรประมาณ 10 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนี้ 1.08 ล้านคนนับถือศาสนาคริสต์นิกายคาธอลิก และอีกประมาณ 4 ล้านคนไม่ระบุว่าตนเองนับถือศาสนาใด ๆ
     
       เจไดเป็นนิกายที่ศึกษาความหมาย จนไปถึงการฝึกตนเพื่อเพื่อบังคับสิ่งที่เรียกว่า "พลัง" (The Force) ที่อาจจะเป็นได้ทั้งพลังในด้านสว่าง และด้านมืด แต่สำหรับเจได ต้องต่อสู้เพื่อสันติภาพ และความยุติธรรมด้วยพลังด้านสว่างเท่านั้น กับภารกิจเพื่อความสงบเรียบร้อยในสาธารณรัฐกาแลคติค อันเป็นเรื่องราวที่ผู้กำกับชื่อดัง จอร์จ ลูคัส แต่งขึ้นเพื่อถ่ายทอดลงในภาพยนตร์เรื่อง Star Wars ของเขาที่ตอนนี้สร้างออกมาแล้วทั้งหมด 6 ภาค แต่คนกลุ่มหนึ่งกลับเชื่อว่าแนวคิดดังกล่าวสามารถนำมาปฏิบัติใช้ และเป็นแนวทางสำหรับการดำรงชีวิตได้
     
       ซึ่งนอกจากประชากรชาวเช็กแล้วก็ยังมีชาวนิวซีแลนด์ และสหราชอาณาจักรอีกจำนวนไม่น้อยที่นับถือศาสนานิกายเจได จากข้อมูลเมื่อปี 2001 ของนิตยสาร Time ยังเปิดเผยว่ามีชาวอังกฤษจำนวนถึง 390,000 คนที่ระบุว่าตนเองกำลังดำเนินชีวิตไปตามความเชื่อแบบเจได
                                                                        นิกายมหายาน
มหายาน เป็นนิกายในศาสนาพุทธฝ่ายอาจริยวาท ที่นับถือกันอยู่ประเทศแถบตอนเหนือของอินเดียเนปาลจีนญี่ปุ่นเกาหลีเวียดนาม,มองโกเลีย ไปจนถึงบางส่วนของรัสเซีย จุดเด่นของนิกายนี้อยู่ที่แนวคิดเรื่องการบำเพ็ญตนเป็นพระโพธิสัตว์สร้างบารมีเพื่อช่วยเหลือสรรพชีวิตในโลกไปสู่ความพ้นทุกข์ ด้วยเหตุที่มีผู้นับถืออยู่มากในประเทศแถบเหนือจึงเรียกได้อีกชื่อหนึ่งว่า อุตตรนิกาย ปัจจุบันพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ของโลกเป็นผู้นับถือนิกายมหายาน
                                                                                 นิกายเถรวาท
นิกายเถรวาทเป็นนิกายหลักที่ได้รับการนับถือในประเทศศรีลังกา (ประมาณ 70% ของประชากรทั้งหมด[1]) และประเทศในแผ่นดินเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ไทย กัมพูชา ลาว และพม่า นิกายเถรวาทได้รับการนับถือเป็นส่วนน้อยในประเทศจีนและเวียดนาม โดยเฉพาะในมณฑลยูนนาน เนปาล บังกลาเทศที่เขตจิตตะกอง เวียดนามทางตอนใต้ใกล้ชายแดนกัมพูชา มาเลเซียมีนับถือทางตอนเหนือของประเทศ มีศาสนิกส่วนใหญ่เป็นเชื้อสายไทย และสิงหล ตัวเลขผู้นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาทอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านคน
                                                        นิกายไศวะ
ไศวะนิกาย

นิกายไศวะ เกิดก่อน นิกายไวษณวะ มาก นิกายไศวะนับถือ พระศิวะ เป็นเทพเจ้าสูงสุด เทพเจ้าองค์อื่นๆ รวมทั้ง พระพรหม และ พระวิษณุ เป็นเทพชั้นรองจากพระศิวะทั้งสิ้น เชื่อว่า ญาณ (ความรู้) เป็นวิถีทางแห่งการหลุดพ้นมากกว่าความเชื่อใน ลัทธิภักดี แต่ผู้นับถือศาสนาฮินดูนิกายไศวะบางคนสนับสนุนพิธีภักดีด้วย นิกายไศวะมีอิทธิพลอย่างมากใน อินเดียภาคใต้

โดยทั่วๆไป ชาวฮินดูที่นับถือนิกายไศวะจะนับถือพระศิวะและ พระมเหสีของพระองค์ (พระอุมา,กาลี,ทุรกา) พร้อมๆกัน ในบางโบสถ์มีพระศิวะอยู่เพียงองค์เดียว แต่ก็มีรูป พระภรวดี พระคเณศ พระการ์ติเกยา (พระขันทกุมาร) และ วัวนนทิ ประดิษฐานอยู่บนแท่นบูชาขนาดเล็กในโบสถ์เดียวกันอีกด้วย


พระศิวะ เป็นเทพเจ้าแห่งการทำลายและเป็นเทพเจ้าแห่งการสืบพันธุ์ด้วย รูปแบบในการเคารพพระศิวะที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือรูปศิวลึงค์ ซึ่งเป็นอวัยวะเพศชาย เป็นสัญลักษณ์ของการกำเนิด มีรูปศิวลึงก์ทำด้วยหินตั้งอยู่ในโบสถ์ เป็นที่เคารพสักการะ มีตำนานหลายเรื่องกล่าวถึงจุดกำเนิดของการเคารพศิวะลึงก์ มีเรื่องหนึ่งกล่าวว่า จากรูปร่างเช่นลึงก์นี้เอง องค์พระศิวะจึงปรากฎออกมาพร้อมกับพระพรหมและพระวิษณุ เทพเจ้าทั้งสามเองออกมาจากสภาพสูงสุด (คือ พรหมัน หรือ ปรมาตมัน)